การเตรียมตัวสอบระดับเทพ<- Note อ. วรา
ช่วงนี้เป็นช่วงสอบปลายภาค เหล่านิสิตนักศึกษาคร่ำเคร่งกับการสอบ เมื่อเรียนผ่านมาสามสี่เดือนแล้วก็มาสอบกัน พอนึกถึงเรื่องสอบทีความเครียดก็สูบฉีดขึ้นทันที เป็นอย่างนี้กันหลายคน การสอบเป็นการประเมินผลสำริดการเรียนรู้ที่ผ่านมา การศึกษาในสารขัณฑ์ เป็นแบบเรียนง่ายสอบยาก เรียนง่าย คือ เรียนๆ หลับๆ เข้าบ้างไม่เข้าบ้างทั้งนักเรียนและอาจารย์ การบ้านงานทั้งหลายก็ไม่มีมากนัก ทำงานส่งก็ลอกๆ กันไปนะครับ การจะรักษาคุณภาพการศึกษาได้เราจึงต้องสอบยากๆ ออกข้อสอบให้ยาก และเยอะเข้าไว้ทำให้นักศึกษาต้องเตรียมการสอบเป็นอย่างดีเพื่อแสดงถึงความรู้ที่มีในการผ่านระดับการศึกษา การศึกษาที่อื่นหลายๆ ที่เขาเรียนยากสอบง่ายกัน การเรียนยากสอบง่ายนั้น การบ้านกองพะเนิน ทำกันทั้งวันทั้งคืน ยากมหาโหด ยังนึกว่าทำไมถึงยากอย่างนั้น หามาจากไหนกัน พอตอนสอบก็ถามพื้นฐานนิดๆ หน่อย เหมือนพอเป็นพิธี ไม่รู้เพราะว่าทำการบ้านยากเสียพรุนแล้ว หรือ ง่ายจริงๆ
ผู้เขียนนั้นนับว่ามีความชำนาญในการสอบจริง เพราะสอบมาถึงสามสิบปี เรียนก็ไม่ค่อยเอาไหน และที่สำคัญไม่ค่อยตั้งใจเรียน ถึงวันนี้ยังแปลกใจว่าเราจัดการเรียนการสอนกันไปทำไม ใครจะนั่งเรียนรู้เรื่อง อ่านมาก็ไม่ได้อ่านมาก่อน เรื่องที่เรียนก็ยาก นั่งฟังแป็บเดียว จะรู้สึกมึนงง ไปฝันกลางวันดีกว่า... ส่วนการสอบนั้น ไม่รู้เป็นอะไร เอาตัวรอดมาได้เรื่อยๆ สอบมานานเข้าก็ชักเก่งขึ้นมาก นับว่าเป็นนักสอบอาชีพได้คนเหนึ่ง
จากการที่เป็นนักสอบอาชีพ ผมพบว่า ความพยายามในการศึกษาและการสอบ กับผลคะแนนที่ได้ มีความสัมพันธ์กัน ตามแผนภาพที่แสดงข้างล่าง ขณะที่เราศึกษาและเตรียมสอบ คะแนน หรือเกรดที่เราได้ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีความรู้พอควร เราก็จะสามารถได้เกรดเอ ในเฮือกแรก ที่เป็นจุดที่คุ้มมาก คือเตรียมตัวพอดีพอดี ได้เอ พอดีพอดี หลังจากจุดนี้แล้ว คะแนนอาจจะตกลงมา เพราะว่ารู้มากไป แต่รู้ไม่จริงเกิดการธาตุไฟเข้าแทรกได้ง่าย เกิดสับสนปนเป ในความรู้ ที่ซึ่งอาจส่งผลให้เกรดตกมาในระดับ บี ถ้าเกิดเตรียมตัวเกินมาอย่างนี้นับว่าเกิดปัญหา ต้องตะลุยไปให้ผ่านเป็นระดับเทพ จะได้ เอ ไปเลย ชัวร์ ระดับเทพอย่างผมต้องจัดให้ได้เอ แบบ พอดีพอดี
จากตอนเด็กๆ สอบตกๆ หล่นๆ เพราะไม่รู้ว่าก่อนสอบต้องอ่านหนังสือ... ฮ่า ฮ่า... อ่านหนังสือแล้วก็ยังสอบไม่ค่อยจะดี เพราะไม่รู้ว่าต้อง ทำแบบฝึกหัดฝึกซ้อมฝีมือการทำข้อสอบ ทำแบบฝึกหัดบ้างแล้วก็ยังได้คะแนนไม่ดี เพราะว่าทำแบบฝึกหัดไม่หมดทุกข้อ ทำแบบฝึกหัดหมดทุกข้อแล้วก็ยังไม่เจ๋ง เพราะนอนไม่พอ นอนพอแล้วก็ยังไม่ได้เต็มเพราะ ไม่ได้ไหว้ครูก่อนสอบ การสอบที่ดีนั้น มีองค์ประกอบสำคัญสามประการ ได้แก่ 1. เตรียมตัวดี, 2. พักผ่อนเพียงพอ, และ 3. มีสมาธิที่ดีระหว่างสอบ
จากประสบการณ์นั้น มีหลายวิชาที่ผมเรียนแล้ว พอถึงปลายภาคก็รู้สึกสะดุ้ง และมีเหงื่อกาฬไหลออกมาหยดดังติ๋ง เพราะมองย้อนกลับไปสงสัยว่าวิชานี้เรียนอะไรหว่า อย่างนี้ต้องเริ่มจากไถดะ และไถพรวน จัดเตรียมผานไถต่างๆ ให้เรียบร้อย ได้แก่ หนังสือเรียน สมุดจดต่างๆ สไลด์ของอาจารย์ และการบ้านต่างๆ ไถดะคืออ่านตะลุยสไลด์ของอาจารย์ ทีละส่วน ตามด้วยอ่านหนังสือเรียนอย่างละเอียดเรียกว่าไถพรวน จำไว้ว่า เราจะได้คะแนนดีไม่ได้จากการอ่านสไลด์ของอาจารย์ แต่ไม่อ่านหนังสือ อีกทั้ง เราจะได้คะแนนดีไม่ได้จากการอ่านหนังสือ แต่ไม่ทำแบบฝึกหัด
หลังจากอ่านหนังสือแล้วก็เลือกทำแบบฝึกหัด เริ่มจากการทำตามการบ้านก่อน แล้วค่อยเลือกข้อที่น่าทำมาจัดการ "โซ้ย" ให้เสร็จสิ้น ขั้นตอนกระบวนการนี้สามารถทำร่วมกันเป็นกลุ่มได้ โดยแบ่งเพื่อนๆ ช่วยกันคนละสี่ห้าข้อ จากนั้นเริ่มช่วยกันทำความเข้าใจ อย่างไรก็ตามในขั้นตอนนี้ ขอให้ท่านผู้เตรียมการสอบได้ผ่านการทำแบบฝึกหัดด้วยตนเอง โดยมีการเขียนลงกระดาษในการทำแบบฝึกหัด หรือเขียนฉบับเต็มในขณะที่ดูแนวทางจากการทำแบบฝึกหัดที่คนอื่นทำไว้ เสร็จแล้วเขียนสรุปไว้ก็จะดี สำหรับวิชาที่มีการสอบปิดตำรา อย่าพกเข้าไปเชียว อาจทำลายชีวิตของท่านได้
ช่วงเวลาอายุไม่มากนัก ฮอร์โมนหลั่งดี นอนน้อย นอนมากก็สามารถจะอยู่ได้อย่างเป็นสุขพอควร เหล่าบรรดา นักศึกษาทั้งหลายส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้นอนหลับกันมากนักก่อนการสอบ ทั้งที่เป็นส่วนสำคัญยิ่ง ในการทำการสอบให้ได้ดี ผมถือหลักว่าต้องนอนก่อนเที่ยงคืน ก่อนการสอบใดๆ บางครั้งนอนไม่หลับ ก็ให้ไปนอนหลับตาเฉยๆ เอาบนเตียง พอจะพักผ่อนได้บ้างระดับหนึ่ง บางครั้งเตรียมตัวไม่ทันก็ต้องตัดใจ นอน นอนซะ ตอนเช้าก็ตั้งนาฬิกาปลุกเสียงดังเอาไว้ให้เรียบร้อย
พอเช้ามากินข้าวเรียบร้อยก็ เตรียมอุปกรณ์ เครื่องเขียน เครื่องคิดเลข บัตรต่างๆ ให้เรียบร้อย บางครั้งความเครียดโจมตีถ่ายหนักถ่ายเบาไม่ออก ก็ไม่่ว่ากัน มีเพื่อนผมคนหนึ่ง ก่อนสอบต้องไปเข้าห้องนำ้ก่อนทุกครั้ง หน้า ซีดเซียวไปตามกัน เข้าไปนั่งในห้องสอบ อย่าพึ่งอ่านข้อสอบทันทีทันใด ให้ หายใจลึกๆ และ ไหว้ครูก่อน ระลึกจากพระคุณพ่อแม่ ครูอนุบาล ครูประถม มัธยม ไล่มาถึงปัจจุบัน จากนั้นก็เขียนชื่อเสียงเรียงนามตัวเอง และ เริ่มทำข้อสอบ เวลาทำข้อสอบนั้น ส่วนตัวผมเองจะไม่ตรวจทาน นั้น หมายถึงตั้งใจไว้เลยว่าจะทำให้ถูกแต่แรก ไม่หวนกลับมาทำใหม่อีก และการทำก็จะทำเรียงข้อไป ทีละข้อ ไล่เรียงไป เพราะถ้าทำย้อนไป ย้อน มา บางครั้งเกิดลุกลี้ลุกลน ทำผิดได้มาก จะนึกว่า "เฮ้ย อันนั้น ทำอย่างนั้นหรือปล่าววะ อันนี้ผิดหรือปล่าว พาลลงเหวกันไปหมด" ยิ่งพวกข้อสอบแบบปรนัย ส่วนใหญ่แล้วข้อตัดสินใจครั้งแรกถูกมากกว่าการตรวจทาน
สรุปสุดท้ายนั้น การบริหารความเครียดเป็นสิ่งสำคัญระหว่างการสอบ และมีคาถามอบให้ดังนี้คือ 1) ระฆังยังไม่ตี ไม่หมดยก สู้ต่อ 2) ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ แล้วไงล่ะ และ 3) สอบไม่ได้ ไม่มีใครเคยตาย...
โชคดีในการสอบทุกคนครับ